
หากวันหนึ่งต้อง สู ญ เ สี ย มิตรภาพใดๆไป จงรู้ไว้ว่านั่น เป็นเรื่องธรรมดา… คุณเดือดร้อน มาขอร้องให้ผมช่วย ผมก็เต็มใจช่วย คุณขอยืมเงินผม 1,000 บาท แล้วบอกว่า
สิ้นเดือนจะรีบคืนให้ พอถึงสิ้นเดือนที่นัดกันไว้ คุณกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอเลยวันไปหน่อย ผมทักไปถามคุณเรื่องนี้ คุณกลับตอบผมกลับมาว่า “เงินแค่นี้เอง จะทวงอะไรนักหนา
ทำไมถึงเป็นคนใจแคบแบบนี้วะ?” แล้วคุณก็ยังเอาผมไปเล่าให้คนอื่นฟัง ให้ผมเสียๆหายๆ คนอื่นกลับมองว่า ผมใจแคบ ไม่มีน้ำใจกับเพื่อนฝูง เพื่อนยืมเงินก็มีแต่ทวงเอา ทวงเอา
ไม่เห็นใจเพื่อนบ้างเลย ตอนคุณยืมเงินผม 5 หมื่น เขาให้คุณยืม 1 แสน คุณกลับเที่ยวไปพูดให้ใครต่อใครฟังว่า เขามีน้ำใจมากกว่าผม เพราะเขาให้คุณยืมได้มากกว่า
ช่วยก็คือช่วย จะช่วยมาก ช่วยน้อย มันก็คือการช่วยเหลือเหมือนกัน แต่คุณกลับไม่นึกถึง น้ำใจที่ผมมีให้ เหมือนตอนที่คุณมาอ้อนวอนขอร้องผม ตอนที่ผมให้ลูกกวาดคุณ 1 เม็ด
เพราะมีน้ำใจแบ่งให้ แล้วพอคุณเห็นผมให้ลูกกวาดคนอื่น 2 เม็ด คุณกลับบอกว่า ผมลำเอียง ให้ลูกกวาดคนอื่นมากกว่าคุณ แต่คุณไม่รู้เลยว่า เขาเคยให้ลูกกวาดผม 2 เม็ด
ในขณะที่คุณยังไม่เคยให้ผมสักเม็ดเลย!! คนแบบนี้แหละ ที่มักจะเห็นคนอื่น “แล้งน้ำใจ” ทั้งที่ตัวเองเป็นคนที่ “เห็นแก่ตัว” อยากจะเป็นแต่ “ผู้รับ” อย่างเดียว แต่ไม่เคยคิด
จะเป็น “ผู้ให้” สักครั้งเลย เมื่อไหร่ที่คนอื่นช่วย กลับจำไม่ได้ ไม่เคยคิดจะสำนึกบุญคุณนั้น แต่เมื่อไหร่ที่คนอื่นไม่ช่วย กลับจำขึ้นใจ แล้วคิด โ ก ร ธ เ คื อ ง หากเราต้องเจอ
คนแบบนี้ในชีวิต ก็เหมือนกับช่วงเวลาแ ย่ ๆ แต่ในช่วงเวลาที่แ ย่ ๆ ก็ยังคงซ่อนสิ่งดีๆ ไว้ให้เราได้ค้นหา เราจะเห็นว่าใครเห็นแก่ได้ หรือว่าใครยังใส่ใจ เราจะเห็นว่าใครให้กำลังใจ
หรือว่าใครที่บั่ นท อ น และเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป เราจะจัดลำดับความสำคัญในชีวิตได้ใหม่ ด้วยบุคคลที่เราใช้ใจ และประสบการณ์คัดกรอง
ขอบคุณที่มา : นุสนธิ์บุคส์