
สำหรับคนเก็บเงินเก่งหรือวางแผนการเงินได้ดีมาตลอด เป้าหมายเหล่านี้คงไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่สำหรับคนใช้เงินมือเติบหรือคนเก็บเงินไม่อยู่มาก่อนเลย อยากตั้งเป้าหมายทางการเงิน
ของตัวเองบ้าง วันนี้ยังไม่สายเรารวมเทคนิคการเก็บเงิน ที่มีโอกาสสำเร็จสูงมาฝาก เพื่อเริ่มต้นเป็นคนมี สุ ข ภ า พ การเงินที่ดีไปพร้อมๆ กันในปีนี้
เทคนิคที่ 1 : เก็บก่อนใช้
เทคนิคที่เหมาะสำหรับคน ที่เก็บเงินไม่อยู่เอามากๆ คือการ “เก็บก่อนใช้” เพื่อให้เงินส่วนที่ต้องการเก็บไปอยู่ในที่ที่เราไม่เห็น ไม่มีแรง ก ร ะ ตุ้ น ในการใช้เงินที่ไม่เห็น = เงินที่ไม่ได้ใช้หนึ่งใน
สาเหตุที่ทำให้คนใช้เงินเก่ง ไม่มีเงินเหลือเก็บตามเป้าหมาย และรู้สึกว่าหาเงินเท่าไรก็ไม่พอเพราะหวังจะเก็บเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ความเป็นจริงสิ่งที่ควรทำคือหักเงินที่ต้องการเก็บ
ออกไปเป็นอันดับแรกหลังมีรายรับ ตามสมการ “รายได้-เงินออม = รายจ่าย”การเก็บก่อนใช้ จะต้องมีกฎว่า “ห้ามยุ่ง” กับเงินก้อนนี้เป็นอันขาดจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เช่น
ตั้งใจเก็บเงิน 100,000 บาท ในปลายปีนี้ ทุกครั้งที่มีรายได้จะหักเงิน 20-30% ออกเพื่อเก็บทันทีก่อนนำไปใช้จ่าย และจะไม่ยุ่งกับเงินก้อนนี้เลยจนกว่าจะถึงปลายปีและใช้ตามเป้าหมายที่คิดไว้
ตอนแรกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สามารถปรับลดเป้าหมายต่ำลงตามรายได้และภาระที่มี แบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเริ่มที่ปีละ 10,00030,000 หรือ 50,000 บาทก่อนเพื่อฝึกวินัยก็ทำได้ตามสะดวก
เทคนิคที่ 2 : เก็บเงินไว้ในที่ ที่เอาออกยาก
จากเทคนิคแรก หลายคน เคยทำแล้วแต่ตกม้า ต า ย เพราะรู้ว่าตัวเองมีเงินอยู่ในบัญชีและเอาออกมาใช้ตอนยังไม่ถึงเส้นชัยทุกครั้ง ฉะนั้น เมื่อหักเงินมาเก็บก่อนใช้ได้แล้ว ลองหาที่พักเงินไว้
แบบที่เอาออกไปใช้ได้ยาก เพื่อลดความคล่องตัว โดยอาจทำได้หลายวิธี เช่น
– บัญชีออมทรัพย์ปิด ต า ย ไม่มีบัตร ไม่มี e-banking ยังคงเป็นการเก็บเงินสุดคลาสสิกที่เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มต้นการออมที่ช่วยหักห้ามการถอนมาใช้ได้ ในระดับหนึ่งและสามารถ
สะสมเงินง่ายๆ เพียง โ อ น เข้าไว้ในบัญชีนั้นๆ ทุกเดือน
– บัญชีฝากประจำ บัญชีฝากประจำของแต่ละธนาคาร จะมีเงื่อนไขในการฝากเงินเป็นประจำสม่ำเสมอที่ช่วยให้ไม่เผลอเอาเงินออกมาใช้ และมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1-2% ขยับขึ้นมา
จากการฝากออมทรัพย์ธรรมดาเล็กน้อยอย่างไรก็ดี ต้องดูรายละเอียด การฝากประจำ (บางประเภท) ที่จะมีการเรียกเก็บภาษีและปลอดภาษีเพื่อบริหารให้เหมาะกับเป้าหมายของตัวเองด้วย
– ซื้อสลากออมทรัพย์ สลากออมทรัพย์คือการออมเงินประเภทหนึ่งที่มีการให้ผลตอบแทนเป็นด อ กเ บี้ ยตามที่ตกลงคล้ายกับการฝากประจำ (ขึ้นอยู่กับประเภทสลาก) ความพิเศษของ
การซื้อสลากออมทรัพย์ คือมีโอกาส “ลุ้น ห ว ย”หรือลุ้นถูกรางวัลตามเลขบนสลากที่เราซื้อ ทำให้มีโอกาสลุ้น เป็นเศรษฐีระหว่างที่ฝากเงินด้วย โดยการซื้อสลากจะช่วยให้เก็บเงินอยู่กว่า
การออมแบบธรรมดาเพราะมีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน เช่น 1 ปี 3 ปี ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ตอนครบเวลาฝาก เราจะได้รับเงินก้อนที่เป็นเงินต้นที่ซื้อไว้คืนทั้งหมดรวมกับด อ กเ บี้ ยตลอดระยะเวลาที่ฝากด้วย
เทคนิคที่ 3 : หัดล งทุ น
การ “ล งทุ น” คือโอกาสที่ทำให้เงินที่มีอยู่งอกเงย ขึ้นมากกว่าด อ กเ บี้ ยเงินฝากประเภทต่างๆที่ต้องแลกมากับ “ความ เ สี่ ย ง ” ตามมา ส่วนจะ เ สี่ ย ง มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์
ที่ล งทุ นซึ่งปัจจุบันมีการล งทุ นที่หลากหลาย และเข้าถึงง่ายผ่านสมาร์ทโฟน โดยการล งทุ นเบื้องต้นที่แนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยล งทุ นมาก่อน และต้องการเก็บเงินให้ค่อยๆ งอกเงยคือ
“กองทุนรวม”กองทุนรวม คือการใส่เงินล งทุ น เข้าไปในกองทุนที่คนมีผู้เชี่ยวชาญหรือผู้จัดการกองทุน ช่วยบริหารจัดการให้ ตามนโยบายที่แจ้งไว้กับนักล งทุ นซึ่งในแต่ละกองทุนก็จะไป
ล งทุ นในสินทรัพย์ต่างๆ อีกทอดหนึ่งโดยส่วนใหญ่จะกระจายหลายสินทรัพย์ซึ่งจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทน 1-12% (ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ล งทุ น และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณเวลา
ที่ล งทุ น)ซึ่งมีโอกาสปั้นเงินก้อนให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ แบบออกแรงน้อยลงเช่น อยากมีเงิน 1 แสนบาท ใน 1 ปี หากออมเงินในกระปุก จะต้องเก็บเงินเฉลี่ยเดือนละ 8,333 บาท จึงจะครบแสน
แต่หากนำเงินไปล งทุ นกองทุนรวม 1 ปี จะใช้เงินต้นที่น้อยลง เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับจากการล งทุ นจะเข้ามาเติมเต็มเช่น ถ้าเราล งทุ นในกองทุนเดือนละ 8,000 บาท แล้วได้รับ
ผลตอบแทน เฉลี่ย 5% ต่อปีก็มีโอกาสจับเงิน 100,800* บาท เนื่องจากมีด อ กเ บี้ ยเพิ่มขึ้นมา 4,800 บาทนั่นเอง
ขอบคุณที่มา : b a n g k o k b i z n e w s