Home ข้อคิด 8 สิ่ง ที่คนทำงานประจำต้องเจอ รู้ตอนนี้ดีกว่ามารู้ตอนแก่

8 สิ่ง ที่คนทำงานประจำต้องเจอ รู้ตอนนี้ดีกว่ามารู้ตอนแก่

12 second read
0
0

1. จงเป็น “ลูกจ้างมืออาชีพ”

ถ้าอย ากเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข จงเป็น “ลูกจ้างมืออาชีพ” ให้ได้ ลูกจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า “เราถูกจ้างมาด้วย

ค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง” นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่าง จากเราแลกกับค่าตอบแทนนั้นๆ เราต้องรู้ว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไรและทำมันให้

ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังหากต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่หากงานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป ควรจะหางานที่

เราทำแล้วเรามีความสุขและ ทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุดนอกจากจะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้วยังทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

และไม่เบื่อด้วย แต่ก็ไม่ได้จะเชียร์ให้เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะ อดทนทำไปจนถึงจุดหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ใช่ให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

แล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ถ้าในที่สุดเราเจอสายอาชีพที่เรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่

คุ้มค่ามากและ ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน “เราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง” อย่าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนจนเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ต้องมีผลลัพธ์ที่ดี

ตามออกมาด้วยเช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดีหาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆ บ้ าง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ างว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ตอนนี้เค้าเป็นยังไง

กันบ้ างนะ? อย่าลืมว่าพ่อแม่แก่ลงทุกวัน ดูแล สุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกกับ

ความสุขของพ่อแม่

2. อย่าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

หลายคนเชื่อว่า โลกออนไลน์เป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโพสต์อะไรมันก็สิทธิ์ของเราแต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกจากจะดู resume เราแล้ว ยังดูเฟสของเราด้วย เพื่อนเรา

ที่เป็น HR ยืนยันมาว่าหน้าเฟสบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า สิ่งที่เราโพสลงบนโลกออนไลน์ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อน

เข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวังหรือถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ แนะนำให้แยก เฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิด

สาธารณะด้วย ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน เกลีย ดคนนั้น เบื่องาน หัวหน้างี่เง่า ห้ามโพสต์เด็ดขาด โพสต์ปุ้บมีคนแคปไปฟ้องแน่นอน

3. หาคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานให้เจอ

ความแตกต่างระหว่าง “เพื่อน” กับ “เพื่อนร่วมงาน” คืออะไร…? ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย า กก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย า กเท่าสมัยมัธยม

และการหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย า ลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนย า กขึ้นเท่านั้นและไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อน

ที่จริงใจคนนึงในออฟฟิศมันย า กแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วยหน้าที่หลักของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราคือ

ไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อน ดังนั้นวันๆ เราจึงจะเจอแค่เพื่อนร่วมทีมซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ว

สนิทใจแบบนี้ เราคิดว่ามันคือกำไรชีวิตพย า ย า ม หาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้นให้เราลองถามตัวเองว่า “ถ้าเราลาออกจากที่นี่

เรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม…?” ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนจริงๆ ในที่ทำงานแล้ว

4. มีแฟนในที่ทำงานได้แต่ต้องยอมรับผลที่ตามมา

ถ้าคุณเป็นคนที่แยกเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัวไม่ออก แนะนำว่าอย่ามีแฟนในที่ทำงาน ไม่ได้บอกว่าไม่ควรคบคนในที่ทำงาน แต่ถ้าคบแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้

อาจต้องเจอเหตุการณ์เช่นทะเลาะกับแฟนมาแล้วต้องมาคุยงานกันมีใครบ้ างแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากงานได้ 100% บ้ าง ถ้าไม่ต้องเจอหน้ากันทุกวัน

หรือทำงานใกล้ชิดก็ยังพอโอเค แต่ถ้าทีมเดียวกันอาจจะเหนื่อยหน่อย ทะเลาะกันขึ้นมาเมื่อไหร่รู้ทีค่อนบริษัท

5. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุเรายังน้อย นี่คือข้อได้เปรียบสุด เพราะ อายุยังน้อยความคาดหวัง จากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ทำอะไรผิดก็มักมีคนให้อภัยเสมอถึงแม้ว่า

เราจะรู้สึกกดดันในการทำงานสุดๆ แต่เชื่อเถอะเรา ล้ ม เ ห ล ว วันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 ถึงวันนั้นจะไม่มีคนคุ้มกะลาหัวเราด้วยซ้ำ

6. เล่นการเมืองกับทุกคน

เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้หมายความว่าให้เราไม่จริงใจกับใคร แต่การเล่นการเมืองกับทุกคนคือ การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่างไร ไม่ได้บอกว่า

ให้สตอเบอร์รี่หรือฝืนตัวเองมากๆ นะ แต่แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ โตมาในสังคมที่แตกต่างกันการที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ “อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร” ได้อย่างไร

จะทำให้เราได้เปรียบมากๆ นอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มี ศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆ ทักทายสวัสดีตามมารย า ท

ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุยเราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับใคร เพราะฉะนั้น อย่าสร้าง ศั ต รู เด็ดขาด…!!!

7. สนใจแต่อย่าใส่ใจลู่วิ่งคนอื่น โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา

เมื่อทำงานไปนานๆ เราอาจเห็นเพื่อนๆ ในที่ทำงานของเรา หลายคนเริ่มออกไปเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆ บางคนเริ่มธุรกิจ

ของตัวเองไอคนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดีแล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ จงจำไว้ว่าอย่าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเด็ดขาดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ว่าเรากำลัง

จะทำอะไรรู้ว่าปลายทางเราต้องการอะไร รู้ว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ างเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเองให้

พย า ย า มมากขึ้น แต่อย่าเอามาเปรียบเทียบจนทำให้ตัวเองทุกข์

8. เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่างเดียว

เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน หลายครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าเรามีเป้าหมายอื่นๆ ในชีวิต เช่น เก็บเงินซื้ อ บ้ าน ซื้ อ รถ

เที่ยวรอบโลก การเปลี่ยนมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นและเพิ่มความมั่นใจ เพราะการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้เราเสียกำลังใจและขาดความมั่นใจ

ในตนเอง สำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงานและอีกมากมาย ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก จริงจังขนาดลง ค อ ร์ ส

เรียนเส า ร์อาทิตย์ตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย ตั้งใจทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่หาอย่างอื่นทำบ้ างชีวิตจะได้ไม่เฉาคาที่ทำงาน

ขอบคุณที่มา : b i t c o r e t e c h

Load More Related Articles
Load More By Friend
Load More In ข้อคิด

Check Also

10 ข้อคิด ในการใช้ชีวิตแบบคุ้มค่า เปลี่ยนตัวเองใหม่ใน 1 อาทิตย์

ในปัจจุบันมนุษย์ที่ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวอย่ างพวกเรา จำเป็นจะต้องปรับตัวปรั…