
1. หนักไม่เอา เบาไม่สู้
“ความจน” น่ากลัวกว่าที่คุณคิด ถ้าหากคุณลองถามมหาเศรษฐีทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ขยันทำมาหากิน พัฒนาตนเอง และกล้าก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อย
จนกระทั่งสร้างตัวจนร่ำรวยพวกเขาเหล่านั้นจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่อย า กกลับไปจนอีก” แต่สำหรับหลายคนที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ เพิ่งเริ่มธุรกิจ
ส่วนตัว แต่ยังไม่สู้งานหนัก ไม่พร้อมกลับบ้ า นดึก หรือเดินหนีปัญหาที่อยู่ตรงหน้าที่ควรรับผิดชอบ ก็คงย า กที่จะพัฒนาไปสู่ความมั่งคั่งทางการเงิน เพราะโอกาส
ทองมาพร้อมหย า ดเหงื่อเสมอ
2. ใช้ชีวิตเกินค่าครองชีพ
หลายคนใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งจับจ่ายตามใจชอบ ซื้ อ ของที่อย า กได้ หรือแม้แต่ยอมเป็นหนี้บัตรเครดิต เพียงเพื่อต้องการซื้ อ สิ่งของที่ไม่จำเป็นมาประดับ
ชีวิตคุณให้ดูดี และ “ดูมี” เหมือนคนอื่น คนอื่นที่ว่าอาจทำได้ เพราะสถานะทางการเงินของเขาอาจมั่นคงหรือพร้อมกว่า แต่การใช้เงิน “เกินค่าครองชีพที่จำเป็น”
เช่น กาแฟแก้วละ 35-40 บาท กับ กาแฟแก้วละ 100-170 บาท ราคากาแฟแก้วละเท่าไหร่?ที่คุณรู้สึกว่าซื้ อ ง่ายจ่ายสบายใจได้ทั้งเดือน นั่นคือราคากาแฟที่เหมาะ
กับค่าครองชีพที่คุณแบกรับไหว หากรู้สึกว่าหนักใจที่จะจ่ายแต่อย า กซื้ อ นั่นคือสัญญาณอั น ต ร า ยทางการเงินที่คุณกำลังใช้เกินตัวอยู่
3. คิดมากจนก้าวสู่ความขี้ขลาด
คนคิดมากกับคนรอบคอบนั้นต่างกัน คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรนำมาไตร่ตรอง แต่จะนำทุกปัญหามารวมกันจนทำให้ไม่เห็นทางออก แต่คนที่คิดรอบคอบ
จะคิดเป็นเรื่องๆ และลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดควรมาก่อนมาหลัง ทำให้คิดเป็นกระบวนการและได้คำตอบในแต่ละปัญหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนประเภทที่คิดมาก
เมื่อทำธุรกิจ จะไม่กล้าวางแผนในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างกำไร เพราะกลัวความล้มเหลว ทำให้เสียโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตหรือคนที่คิดมากเมื่อทำงาน
เป็นมนุษย์เงินเดือน จะกลัวการแสดงความคิดเห็น หรือ ไม่กล้าที่จะทำงานย า กๆ เพื่อพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นเพราะการไตร่ตรองโดยใช้ทุกความคิดมารวมกัน
จนกลายเป็นความกังวล หรือ ขย า ยจนเป็นความขี้ขลาด ที่จะรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น ทั้งๆ ที่โอกาสมาอยู่ตรงหน้า
4. ผัดวัน ไม่มีวินัย ชิลไปวันๆ
สโลว์ไลฟ์ คือชีวิตคนที่มีฐานะทางการเงินพร้อมพรั่งเท่านั้น จึงจะพร้อมสำหรับการนั่งจิบกาแฟเรื่อยๆ ท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ บินไปเที่ยวเมื่ออย า กไป ใช้เงินซื้ อ
ความสะดวกสบายเท่าที่สบายใจ แต่กลับมาก่อน คุณยังเป็นหนี้ คุณยังไม่มีการเงินที่มั่นคง คุณยังไม่มีความสะดวกมือในการจับจ่าย เพราะคุณยังไม่มีวินัยทางการเงิน
ที่ดีและรัดกุมที่สำคัญ! คุณยังทำงานและเก็บเงินแบบผัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย การเรียบเรียงชีวิตใหม่ จัดลำดับความสำคัญ 1 2 3 ว่าเป้าหมายที่คุณต้องการในชีวิต
คืออะไร จะทำให้คุณวางแผน ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และสร้างวินัยให้กับชีวิตที่ต้องการได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
5. กลัวการตั้งเป้าหมายในชีวิต
การพุ่งชนเป้าหมาย อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับบางคน เช่น คนที่ตั้งเป้าว่าจะ “ปลดหนี้” แต่กลัวการเห็นเงินในบัญชีพร่องลงจากการชำระหนี้ตรงตามเวลา หรือ
ไม่มีวินัยในการปลดหนี้ จึงทำให้เลี่ยงการชำระหนี้ จนเป็นเหตุให้ต้องแบกรับภาระด อ ก เ บี้ ยที่เพิ่มขึ้นหรือบางคนตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงิน 10-20% จากเงินเดือน
เป็นประจำ แต่กลับถอดใจเพราะเห็นสินค้าที่ชอบกำลังลดราคากระหน่ำ ทำให้ต้องควักเงินซื้ อ มาจนได้และเป้าหมายที่อย า กเก็บเงินจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า
ความล้มเหลวที่คนเหล่านี้ประสบคือ “ความกลัวเป้าหมายที่ตนอย า กทำ” หรือ ไม่กล้ามีเป้าหมาย เพราะกลัวทำไม่ได้ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณ
พังและไม่สามารถหลุดพ้นความจนได้สักที
6. ไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น
“ไม่มีใครสามารถทำงานคนเดียวได้” แม้แต่อาชีพฟรีแลนซ์ ก็ยังต้องมีคอนเน็คชั่นเพื่อสร้างงานคุณภาพให้ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นในทีม
สิ่งสำคัญไม่ใช่ผลงานที่ประสบความเร็จตามเป้า แต่คือประสิทธิภาพในการประสานงานให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดตามที่ตั้งเป้าไว้หลายคนพลาดโอกาสสำคัญในการ
ก้าวหน้าหรือเลื่อนตำแหน่งงาน เพราะไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานคนอื่นได้ จึงทำให้ผู้บริหารเห็นว่าคุณยังไม่เหมาะสมจะเลื่อนตำแหน่ง หรือ หากคุณ
ทำธุรกิจอยู่ ก็คงจะติดขัดอย่างแน่นอน หากต้องร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เพื่อขย า ยธุรกิจ แต่คุณกลับทำตัวเป็นพระเอกอยู่คนเดียว และเที่ยวบอกใครๆ ว่าคุณทำงาน
นี้สำเร็จทั้งๆ ที่เป็นผลจากการทำงานร่วมกันของทีมงาน
ขอบคุณที่มา : p a r t i h a r n