
1. แกล้ง โ ง่ บ้าง ถึงแม้บางอย่างจะรู้แล้ว
แต่จำไว้เสมอว่าความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดไม่กลัวที่จะพูดว่า ฉันไม่รู้ และพร้อมจะเรียนรู้ ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ เพราะคนที่ไม่ฉลาดจะประเมินความสามารถตัวเองสูงกว่าความเป็นจริงจากผลการ
ทดลองระบุว่านักเรียนกลุ่มที่ได้คะแนนต่ำที่สุดจากการให้ลองทำข้อสอบประเมินคำตอบที่ตัวเองจะตอบถูกได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ขณะที่นักเรียนกลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดประเมินได้
ใกล้เคียงกับความเป็นจริงกว่ามาก
2. เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
คนที่ฉลาดมักจะมีความยืดหยุ่น และปรับตัวได้ดีในสถานการณ์ต่างๆโดยไม่หวั่นไหวกับความไม่ชัดเจนหรือข้อจำกัดใดๆมีผลงานวิจัยด้าน จิ ต วิ ท ย า ออกมาสนับสนุนว่าสติปัญญา
สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรร มเพื่อรับมือกับสพาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
3. หัดคุยกับตัวเองบ้าง อยู่กับตัวเองบ้าง
คนที่ฉลาดจะมีความเป็น ปัจเจกบุคคล ซึ่งคาดเดาได้ว่าพวกเขาอาจใช้เวลาเหล่านั้นขบคิดคำถามหรือบางเรื่องที่ตัวเองกำลังสนใจ สัมพันธ์กับในชีวิตจริงที่หลายครั้งเราเกิดปิ๊งไอเดีย
ขึ้นมาในเวลาที่อยู่คนเดียว
4. เรียนรู้ราวกับเป็นนักศึกษาอยู่ตลอดเวลา
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยพูดถึงตัวเองว่า ผมไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรผมเป็นแค่คนอยากรู้อยากเห็นแค่นั้นเองงาน วิ จั ย ตีพิมพ์ปี 2016 ระบุว่าการได้เปิดโลกในวัยเด็กสัมพันธ์
กับความสนใจใคร่รู้ในตอนเป็นผู้ใหญ่
5. มีอารมณ์ขัน และยิ้มแย้มให้ผู้อื่นเสมอ
คนที่มีอารมณ์ขันส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนที่ฉลาด มีงานศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่าคนที่ทำคะแนนการเขียนคำบรรยายการ์ตูนตลกได้สูง เยอะๆ จะเป็นคนที่ฉลาด ด้านการใช้ภาษาขณะที่งานศึกษา
อีกชิ้นระบุว่า นักแสดงตลกมักจะทำคะแนนความฉลาดทางด้านภาษาได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป
6. มองโลกให้กว้างๆ อย่าเป็นคนใจแคบ
คนที่ฉลาดจะไม่ปิดกั้นตัวเอง เมื่อมีโอกาสหรือไอเดียใหม่ๆ เข้ามาเขามักจะมองหา ทางเลือกแล้วชั่งน้ำหนักเพื่อหาเหตุผลที่ดีที่สุดคนเหล่านี้จะ เ ก ลี ย ด การยอมรับอะไรง่ายๆ เขาจะหา
คำตอบจนกว่าจะมีหลักฐานที่ยืนยันได้จริงๆ เท่านั้น
7. มีวินัยในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง
ความมีวินัย หรือ ความสามารถในการควบคุมตัวเอง Self-Control มีความเกี่ยวข้องกับความฉลาดจากการศึกษาทดลองในปี 2009 ได้ให้ผู้ร่วมทดลอง เลือกระหว่างการได้รับเงินจำนวนหนึ่ง
ทันทีหรือ รอรับเงินก้อนใหญ่ภายหลังปรากฏว่าผู้ร่วมทดลองที่เลือกรอรับเงินก้อนใหญ่มักจะทำคะแนนในการทดสอบสติปัญญาได้สูงกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง
8. เชื่อมโยงความคิดในเรื่องต่างๆ ได้
คนฉลาดจะมองเห็น ในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เพราะว่าพวกเขาสามารถเชื่อมโยงความคิดจากเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกันได้อาทิ คุณคิดว่าซาชิมิกับแตงโม เหมือนกันตรงไหนคำตอบคือ
ทั้ง 2 อย่างต้องกินตอนที่ ดิบ และ เย็น เหมือนกันถึงจะอร่อย
9. เอาใจใส่คนรอบข้าง
คนที่เอาใจใส่ ในเรื่องความต้อง การความรู้สึกของผู้อื่น และทำในสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการคือคนที่ฉลาดทางอารมณ์ขณะเดียวกัน ความฉลาดทางอารมณ์ยังหมายถึง ความสนใจที่จะเข้าไป
พูดคุยกับผู้คนใหม่ๆ และพร้อมที่เรียนรู้สิ่งต่างๆจากคนที่คุยด้วยคอนเนคชั่นที่ดีทำให้คุณอยู่รอดได้ทุกสถานการณ์ คอนเนคชั่นดีหมายถึงคุณก็ต้องและทำให้เหล่าคนที่คุณรู้จักไว้วางใจด้วย
ยามเดือดร้อนหรือยามรุ่งเรืองเขาจะได้ช่วยเหลือกับสนับสนุนคุณ ทั้งขึ้นทั้งล่องยังไงล่ะ คุณต้องรู้จักเปิดรับสังคมใหม่ๆตั้งแต่วันนี้เลย โดยเฉพาะยามที่เจอกับบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ
และเป็นคนดีเพื่อนที่ดีและเก่ง เพื่อนร่วมงานคุณภาพ ฯลฯ จงอย่าเสียเวลากับคนที่มัวแต่ทำให้คุณไร้สาระไปวันๆเพราะมันเสียเวลา เลือกคบคนเอาไว้ดีที่สุด
10. ผัดวันประกันพรุ่ง
คนฉลาดจะผัดวันประกันพรุ่ง จากงานที่ทำประจำวันหรือทำซ้ำๆ ในเวลาที่เขาพบเป้าหมายหรือส่งที่สำคัญกว่านัก จิ ต วิ ท ย า กล่าวว่า นี่คือหัวใจของการสร้างสรรค์นวัตกรรมเลยก็ว่าได้
ตัวอย่างเช่น เมื่อ ส ตี ฟ จ็ อ บ ส์ ต้องการหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ เขาจะใช้เวลาไป กับการถกเถียงเพื่อหาไอเดียที่แตกต่างและพร้อมจะหันหลังให้กับไอเดียพื้นๆ หรืออะไรที่คนอื่นๆ ก็สามารถเดาได้
11. ใคร่ครวญกับคำถามยากๆและมองว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทาย
คนฉลาดมักจะมีคำถามเกี่ยวกับ จักรวาลและความหมายของชีวิต พวกเขามักจะกระวนกระวายกับเรื่องเหล่านี้ที่อาจจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะปราชญ์ในโลกนี้ล้วนแต่ตั้งคำถามพื้นๆ ที่ว่า
ชีวิตคืออะไร? ของแบบนี้เรามองว่ามันต้องประสบเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ร้ า ย หรือดี จะเกิดการเรียนรู้และแกร่ง ไปเองโดยอัตโนมัติเอาเป็นว่า มองคนอย่ามองด้านเดียว เหรียญมีสองด้านฉันท์ใด
ก็ฉันท์นั้นคนเราก็เช่นกันค่ะ คนดีที่เราเห็นอาจจะมีมุม ร้ า ย ซ่อนอยู่เช่นเดียวกับคนที่เรามองไม่ดีก็อาจมีมุมดีๆ ซ่อนอยู่เช่นกันขึ้นอยู่กับว่าเเต่ละคนจะหันด้านไหนให้เราเห็นค่ะเพราะฉะนั้น
จงมีสติในการมองคนอย่าด่วนตัดสินใจบางสิ่ง พลาดแล้วแก้ไขได้ แต่บางสิ่งอาจจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองค่ะ
ขอขอบคุณ s i a m e d t a r o