Home ข้อคิด พ่อแม่ควรรู้ไว้ รักลูกมากเกินไป อาจทำร้ายลูกได้โดยไม่รู้ตัว

พ่อแม่ควรรู้ไว้ รักลูกมากเกินไป อาจทำร้ายลูกได้โดยไม่รู้ตัว

10 second read
0
0

เด็กทุกคนสมควรได้โอกาส ในการดำเนินชีวิตของตนเอง อย่าตัดปีกของลูกทิ้ง เพียงเพราะข้างนอกมีพายุ จงปล่อยให้เขาโผบินสู่ใจกลางพายุด้วยหัวใจนักผจญภัย ขณะที่คุณต้องไม่ลืมเช่นกันว่าตัวคุณเองก็ยังต้องออกบิน ลูกของคุณก็เช่นกัน ตัวคุณและเราทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตนเองจงภูมิใจ

ในความเป็นพ่อแม่ของคุณ ที่เลี้ยงลูกได้มีใจอารีเห็นอกเห็นใจ สุภาพน่ารัก ไม่เห็นแก่ตัว ช่วยเหลือตัวเองและแบ่งปั นคนอื่นบ้ าง ไม่ว่าลูกของคุณจะเรียนเก่งหรือ เรียนไม่เอาไหน จะเป็นคนรวยหรือคนจน เป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือเป็นคนธรรมดา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้คุณค่าของความ เป็นพ่อแม่ของท่านลดลงหรือเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

ปลูกฝังนิสัยที่ดีให้กับลูก

การเลี้ยงลูกให้เติบโต เป็นคนดีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายพ่อแม่ต้องดูแลตั้งแต่ลูกยังเล็กทั้งทางด้านร่างก ายและจิตใจ เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต มีความรับผิดชอบ สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ เข้าสังคมได้ดีการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีแก่เด็กเป็นส่วนสำคัญที่จะพาให้ลูกของคุณ

ประสบความสำเร็จธรรมชาติของเด็กมักเลียนแบบผู้ใหญ่อยู่เสมอ พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่าง ที่ดีให้แก่เด็กเสมอ เช่น ถ้าต้องการให้ลูกกินผัก เราต้องกินผักเป็นตัวอย่าง ถ้าอย ากให้ลูกออกกำลังกาย เราก็ต้องออกกำลังกายเป็นตัวอย่างให้ลูกดูหรืออย ากให้ลูกชอบอ่ านหนังสือก็ต้องอ่ านหนังสือเป็นตัวอย่างให้กับลูก

เพราะเด็กเรียนรู้ได้ดีจากการเลียนแบบ และควรที่จะเริ่มสร้างลักษณะนิสัยที่ดี เมื่อลูกของคุณยังอายุน้อยที่สำคัญอย่าใช้วิธีต่อรองกับลูกโดยใช้อาห ารและของเล่น เพราะนั่นจะเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดีให้กับลูกของคุณแต่ควรให้เวลาพูดคุยขัดเกลาจิตใจกับลูก ให้รางวัลแก่ลูก การให้รางวัลแก่เด็กจะเป็นการก ระตุ้ น

ให้เด็กมีพัฒนาการในเชิงบวก แต่แทนการให้รางวั ล แก่ลูกโดยให้เล่นเกมหรืออนุญาตให้ดูทีวี ควรใช้เวลาว่างด้วยกันเป็นสิ่งที่มีค่าและจะอยู่ในความทรงจำของลูกตลอดชีวิตเช่น ไปเล่นกีฬาด้วยกัน ไปเดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน ให้ลูกวางแผนการทำกิจกรร ม ที่สนุกด้วยกันตลอดทั้งวัน หรือเป็นสิ่งของ

ที่ลูกอย ากได้ ทำให้ลูกได้มีความคิดริเริ่มในการทำกิจกรร ม ดี ๆ กับครอบครัวต่อไป

พ่อแม่ควรสอนลูกไปในทางเดียวกัน

ขณะที่แม่สอนพ่อ ต้องไม่โอ๋หรือห้าม จะทำให้เด็ก ๆ สับสนว่าจะเชื่อใครดี ดังนั้นพ่อแม่ควรแบ่งบทบาท เรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันเป็นหน้าที่ของแม่ เรื่องใหญ่ที่ต้องตัดสินใจให้พ่อดูแล พ่อแม่ที่อารมณ์มั่นคงมักจะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูก

ชื่นชมต่อความพย าย าม คำชมเป็นแรงจูงใจ

หากต้องการสร้างแรงจูงใจ ให้กับลูก เริ่มต้นโดยการสร้างจุดสนใจเกี่ยวกับความพย าย ามของลูก ส่วนใหญ่พ่อแม่มักชมที่ผลลัพธ์มากกว่า ความพย าย ามของลูก เช่น เมื่อลูกวาดการ์ตูนมาให้พ่อแม่ดูอย่าพูดแต่เพียงว่าสวยจัง เท่านั้น แต่ให้เราชมรูปที่ลูกวาดเกี่ยวกับความพย าย ามในการวาดรูปแทน

เพราะการชมที่เฉพาะเจาะจงจะสร้างกำลังใจ ให้ลูกมากกว่าผลลัพธ์ ไม่เปรียบเทียบกับผลงานของลูกกับคนอื่น

อย่าใช้อารมณ์กับลูก

ถ้าต้องการจะบอกลูก ให้ทำอะไรบางอย่าง หรือลงโ ท ษ ให้ลูกของเราสงบ เด็กจะเรียนรู้การจัดการกับอารมณ์ของเขาโดยการเฝ้ามองเรา ดังนั้นจะต้องทำเป็นตัวอย่างและทำอย่างสม่ำเสมอ ถ้ารู้ว่าอารมณ์ไม่ดี อย่าสอนตอนนั้น เด็กจะกลัวและทำตามเพราะกลัวไม่ใช่เพราะเข้าใจในสิ่งที่สอนเมื่อลูกกลัวก็จะมีแนวโน้มโก ห ก มากขึ้น

การสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกยังมีเทคนิคอีกมากมาย การที่ลูกเป็นคนที่ดีย่อมจะเป็นที่รักกับคนในสังคม ควรสร้างนิสัยที่ดีให้ติดตัวลูกไปตลอดชีวิต โดยจะต้องเริ่มปลูกฝังสิ่งที่ดีให้แก่ลูกตั้งแต่ยังเล็กเพื่อจะติดตัวลูกไปในอนาคต

เลี้ยงลูกให้น่ารักกับคนอื่นด้วย

อย่าเลี้ยงลูกแบบให้ความรักจนเกินพอดี ให้มากไปลูกอาจไม่เห็นคุณค่าหรือ ไม่ก็สำลักความรัก และกลายเป็นเด็กไม่น่ารักสำหรับใคร ๆ เมื่อเป็นผู้ใหญ่จะมีแต่คนระอาไม่อย ากคบหาถึงวันนั้นเราจะเสียใจเพราะสายเกินไปที่จะแก้ไขได้ ควรเลี้ยงลูกสายกลางทั้งรักและหวังดีถูกผิดว่าไปตามเนื้ อผ้า ทำผิดก็มีการลงโ ท ษ

ตามสมควร จะตีบ้ างนาน ๆ ทีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อย่ากลัวลูกเสียใจ อย่ากลัวลูกไม่รัก

กฎกติกาต้องชัดเจน ปฏิบัติได้ และเข้าใจง่าย ถ้าลูกโตพอ บางเรื่องก็ควรให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการกำหนดกฎกติกา ภายในบ้ านด้วย กฎกติกาต้องมีเหตุผล เหมาะสมกับวัยของเด็กที่จะปฏิบัติได้ ไม่บังคับให้เด็กทำตามความต้องการของพ่อแม่ควรสร้างทางเลือกเพื่อให้เด็กมีโอกาสเลือกหรือตัดสินใจด้วยตนเอง

ตามวัยของลูก เมื่อวางกฎกติกาแล้ว ต้องใช้และยึดถืออย่างสม่ำเสมอ สร้างขั้นตอนของการทำโทษ เมื่อผิดกฎกติกา เริ่มจากเตือนทันทีเมื่อลูกทำผิด ก ฎ หรือกำหนดบทลงโ ท ษ เป็นขั้นตอนโดยต้องรับรู้ร่วมกันระหว่างพ่อแม่ลูกตั้งแต่แรก เมื่อลูกปฏิบัติได้ตามกฎกติกาที่วางไว้ พ่อแม่ต้อง จัดการอารมณ์ของตัวเองก่อน

ถ้ากรณีที่ลูกไม่เชื่อฟัง ต้องมีเทคนิคในการลงโ ท ษ ลูกที่เหมาะสมกับวัยด้วย

ดุลูกให้ได้ผล

ในการดุหรือตำหนิลูกของพ่อแม่ นั้นก็หวังเพื่อให้ลูกได้รับรู้และตระหนักในความผิด ความไม่ถูกต้องจากพฤติกรร ม ของตัวเอง เกิดการเรียนรู้และแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำ แต่การตำหนิลูกไม่ถูกวิธี อาจทำให้ลูกสูญเสียความเชื่อมั่นและคุณค่าในตัวเอง เป็นปมขั ด แย้งในใจเกิดพฤติกรร ม ต่อต้ าน

สัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่ลูกแ ย่ ลงได้ทุกครั้งที่พ่อแม่ดุลูกไป เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ถึงอย่างไรในการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดีได้นั้น ก็ต้องยึดหลักที่ว่า ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด เมื่อลูกเผลอทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องคอยตักเตือน

และชี้ทางที่ถูกที่ควรเพื่อให้เขาปรับปรุงตัว และเมื่อดุไปแล้ว หากอย ากจะปลอบโยนลูกหรือขอโทษ ที่เสียงดังหรือเผลอกระทำลงไม้ลงมืออะไรไปก็สามารถทำได้ ต้องให้ความสำคัญกับวิธีการดุลูกและการปลอบลูกด้วยเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วลองดูวิธีดุลูกอย่างเหมาะสมว่าพ่อแม่ควรดุลูก หรือทำอย่างไรเพื่อให้ลูกรับรู้และเชื่อฟังในความผิดของตนเอง

นักจิตวิทย าแนะนำว่า พ่อแม่ต้องปรับใจเป็นกลาง

เพราะเด็ก ๆ ทุกคนมีโอกาสทำผิดกันได้ทั้งนั้น ประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กยังน้อย จะให้เก่งรู้เรื่องไปหมด คงเป็นไปไม่ได้ ตอนเราเป็นเด็กยังเคยทำผิดมาก่อน อย่าเพิ่งอคติตั้งแง่กับลูกตั้งแต่เริ่มต้น รับฟังเหตุผลในมุมมองของลูกอย่าเพิ่งไปมองว่าลูกโก ห ก หรือแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ การที่เราสอดแทรก เปิดฉากดุว่าทันที

และไม่เปิดใจรับฟังลูกจะคิดว่าเราไม่มีเหตุผล และจะไม่อย ากอธิบายหรือเล่าให้เราฟังอีกในครั้งหลัง ๆ ยิ่งทำให้ลูกต่อต้านหนักกว่าเดิมได้

ควรดุลูกที่การกระทำ ไม่ใช่ที่ตัวลูก

เช่น ลูกพูดคำหย าบในบ้ าน ควรตำหนิว่า “แม่ไม่ชอบที่ลูกพูดคำหย าบแบบนั้น” ไม่ควรตำหนิว่า “ลูกแ ย่ มากที่พูดแบบนั้น” เพราะพฤติกรร ม เป็นสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกเมื่อพ่อแม่ตำหนิที่พฤติกรร ม การกระทำของลูก ก็หมายความว่าสิ่งนั้น ๆ ที่ลูกทำไปคือสิ่งที่พ่อแม่ไม่ชอบ ไม่ยอมรับ ซึ่งไม่ได้แปลว่าพ่อแม่ไม่ยอมรับ

ในตัวตนของลูก และพ่อแม่เองก็ยังรักลูกเหมือนเดิม แต่การดุด่าหรือตำหนิที่ตัวลูกโดยตรงเช่น ลูกแ ย่ มาก ลูกไม่ได้เรื่อง โ ง่ น่าเกลี ยด ฯลฯ การกระทำของพ่อแม่แบบนี้ จะทำให้ลูกมองตัวตนของตัวเองว่าแ ย่ ไปด้วย และนั่นจะไปลดทอนความมีคุณค่าในตัวเองของลูกลง จนสูญเสี ย ความเชื่อมั่นในตัวเอง และอย่าดุต่อหน้าคนอื่นจะทำให้ลูกเสียหน้า

ถามความคิดเห็นของลูก

เมื่อลูกทำผิดอย่ารีบเผลอไปตำหนิ หรือดุด่าว่ากล่าวแบบทันควัน แต่ให้พ่อแม่ใช้วิธีพูดคุย ถามว่าถ้าเกิดกระทำผิดซ้ำจะให้มีวิธีตักเตือนหรือลงโท ษอย่างไร ให้ลูกได้คิดถึงผลเสีย วิธีแก้และการรับผิดชอบในความผิดนั้นๆการลงโ ท ษ ทุกครั้งลูกจะรับรู้และสัมผัสได้ว่าการลงโ ท ษ ของพ่อแม่เป็นการลงโ ท ษ ด้วยอารมณ์โกรธ

หรือความรัก ถ้าลงโ ท ษ ด้วยอารมณ์ชั่ ววูบหรือระงับโทสะไม่ได้ ผลเสียที่จะตามมานั้นอาจจะทำให้กลายเป็นภาพฝังใจประทับตรึงใจลูกไปตลอดชีวิตก็เป็นได้

ขอบคุณที่มา : b a n g k o k h o s p i t a l

Load More Related Articles
Load More By Friend
Load More In ข้อคิด

Check Also

10 ข้อคิด ในการใช้ชีวิตแบบคุ้มค่า เปลี่ยนตัวเองใหม่ใน 1 อาทิตย์

ในปัจจุบันมนุษย์ที่ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวอย่ างพวกเรา จำเป็นจะต้องปรับตัวปรั…